เกร็ดเกษตร >> การเพิ่มจำนวนใบให้ไม้ประดับ



การเด็ดยอดต้นไม้ จะทำให้ต้นไม้มีการแตกยอดด้านข้างเพิ่มมากขึ้น ถ้าไม่มีการเด็ดยอด หรือตัดยอด ลำต้นจะตรงสูงขึ้นด้านบน ดังนั้นในไม้ประดับที่ต้องการโชว์ความสวยงามด้วยใบ เช่นอะโกลนีมาพันธุ์ผสมใหม่ๆ จึงควรเด็ดยอดเพื่อที่จะให้มีการแตกพุ่มด้านข้าง ทำให้ได้จำนวนใบที่สวยงามเป็นจำนวนมาก และยอดที่เด็ดนี้ก็สามารถนำมาชำเพื่อขยายพันธุ์เป็นต้นใหม่ได้อีก

เก็บเกร็ดโดย...เกตุอร ทองเครือ กลุ่มสื่อส่งเสริมการเกษตร
ภาพจากอินเตอร์เน็ต.

CBPChannel : UPAS E.G POWER กับฟาร์มจิ้งหรีด

ประสบการณ์จากผู้ใช้จริง พิสูจน์แล้ว ยูพาส อี จี พาวเวอร์ อาหารเสริมพืชและสัตว์



สนใจสั่งซื้อ: http://goo.gl/wXTsZK
.
รายละเอียดเพิ่มเติม:
- http://upas.cbpmall.com/
-https://www.facebook.com/cbpupas

คุณทิพย์ ยัยหมูอ้วน 16 5 15

รายการ ยูพาส เพื่อเกษตรกรไทย กับคุณทิพย์ ยัยหมูอ้วน สอนสุภี คนเก่ง UPAS จากอำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
ใช้ยูพาสกับเป็ดไข่ ไข่เป็ดเพิ่มขึ้น น้ำเชื้อแข็งแรงขึ้นมาก แต่ก่อนเป็ดจะเกิดอาการขาอ่อน ขาหมดแรง แต่พอได้อาหารเสริม ยูพาส แล้ว อาการดังกล่าวจะไม่มีเลย ปกติไข่เป็ดจะมีกลิ่นคาว แต่พอใช้ ยูพาส
กลิ่นคาวของไข่เป็ดจะลดลงมาก...



สนใจสั่งซื้อ: http://goo.gl/wXTsZK
รายละเอียดเพิ่มเติม:
- http://upas.cbpmall.com/
-https://www.facebook.com/cbpupas

.






คุณสมบัติพิเศษในการผลิต ยูพาส อี.จี พาวเวอร์



>>การทำให้ส่วนผสมและรูปร่างคงรูปได้ โดยทำให้เป็นเม็ดเล็กละเอียด และมีรูพรุน
สามารถป้องกันการเผาผลาญญที่สูญเปล่า ซึ่งส่งผลดีต่อระบบการย่อยอาหารให้ดีขึ้น

>>การขจัดสารพิษและเชื้อราขนาดเล็ก ใช้เทคโนโลยีแบบสเปรย์
ดรายโดยกระบวนการการพลาสติไซเซซั่นที่ 1100c.

>>ทำให้สารพิษและเชื้อราต่างๆในอาหารสัตว์และปุ๋ยพืช เช่น
อะฟลาทอคชิน ซีราลีโนน ลดลงกว่า 90%

>>สามารถควบคุมปริมาณความชื้นได้ดี เนื่องจาก
มีรูพรุนเป็นจำนวนมาก

>>การทำให้เป็นเม็ดละเอียดและมีรูพรุน สามารถดูดชับแก๊สแอมโมเนียลงได้มาก
ไม่ก่อให้เกิดแก๊สมีเทนอันเป็นสาเหตุหนึ่งของการเจ็บป่วยของสัตว์

>>เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหารและแร่ธาตุต่างๆ
เข้าสู่เซลล์ของสัตว์และพืชได้มากขึ้น

>>ทำให้กระบวนการเผาผลาญมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อการเพิ่มและเกิดใหม่ของเซลล์เนื้อเยื่อ

สนใจสั่งซื้อ: http://goo.gl/wXTsZK
.
รายละเอียดเพิ่มเติม:
- http://upas.cbpmall.com/
-https://www.facebook.com/cbpupas

ผู้ใช้จริงพิสูจน์แล้ว   https://www.youtube.com/watch?v=MfG3WXeONBc

คุณกิติศักดิ์กับอาชีพรับจ้าง ฉีด พ่น 3ทหารเสือ


แฟนรายการ ยูพาส เพื่อเกษตรกรไทย และเป็นเจ้าของสวนยาง ไม่ควรพลาด เวลา 13.00 - 15.00 น. ช็อตเด็ด คุณกิติศักดิ์ ผู้ผันตัวเองจากชาวสวนยาง มาเป็นผู้รับจ้างนำ 3 ทหารเสือไปใช้ประกอบอาชีพ รับจ้างฉีด พ่น ทำให้ยางมีผลผลิต 2 - 3 เท่า ทั่วภาคใต้ ด้วย 3 ทหารเสือ...แม้กระทั่งยางพารากำละงจะโค่น กลับมาให้น้ำยางได้อีกครั้ง...




คุณสมบัติพิเศษในการผลิต?



การทำให้ส่วนผสมและรูปร่างคงรูปได้ โดยทำให้เป็นเม็ดเล็กละเอียดและมีรูพรุน สามารถป้องกันการเผาผลาญที่สูญเปล่า ซึ่งส่งผลดีต่อระบบการย่อยอาหารให้ดีขึ้น

การขจัดสารพิษและเชื้อราขนาดเล็ก ใช้เทคโนโลยีแบบสเปรย์ ดรายโดยกระบวนการพลาสติไซเซชั่นที่ 1100c

ทำให้สารพิษและเชื้อราต่างๆ ในอาหารสัตว์และปุ๋ยพืชเช่น อะฟลาทอคซิน ชีราลีโนน ลดลงกว่า 90%

สามารถควบคุ้มปริมาณความชื้นได้ดี เนื่องจากมีรูพรุนจำนวนมาก

การทำให้เป็นเม็ดเล็กละเอียดและมีรูพรุน  สามารถดูดซับแก๊สแอมโมเนียลงได้มากไม่ก่อให้เกิดแก๊สมีเทน อันเป็นสาเหตุหนึ่งของการเจ็บป่วยของสัตว์

เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหารและแร่ธาตุต่างๆเข้าสู้เซลล์ของสัตว์และพืชได้มากขึ้น

ทำให้กระบวนการเผาผลาญมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อการเพิ่ม และเกิดใหม่ของเซลล์เนื้อเยื้อ

บทความการเกษตร เพาะเลี้ยง “หอยแครง”


“หอยแครง” เป็นอาหารทะเลที่นิยมบริโภคอย่างแพร่หลาย เป็นอีกหนึ่งสัตว์น้ำที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ ในประเทศไทยพบว่ามีการเลี้ยงครั้งแรกที่ ต.บางตะพูน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ต่อมาจึงได้ขยายพื้นที่การเลี้ยงไปตามจังหวัดต่างๆ ที่อยู่แถบชายฝั่งและสภาพพื้นที่เหมาะสม อาทิ ฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ได้แก่ จ.สมุทรสงคราม จ.เพชรบุรี จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช จ.ภูเก็ต จ.สตูล จ.ปัตตานี เป็นต้น
ลักษณะหอยแครง
หอยแครงชนิดที่นิยมนำมาใช้ในการเลี้ยง เรียกทั่วไปว่า หอยแครงเทศ, หอยแครงขุ่ย, หอยแครงปากมุ้ม เป็นหอยที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ชอบฝังตัวอยู่ตามชายหาดโคลนหรือเลนละเอียดในบริเวณชายฝั่งทะเล หอยแครงชอบฝังตัวอยู่ตามผิวดินโคลน และจะขึ้นมาผิวดินเมื่อระดับน้ำสูงขึ้น เพื่อหาอาหาร
การเลือกสถานที่เพาะเลี้ยง
1. ควรเลือกชายฝั่งทะเลบริเวณปากแม่น้ำหรืออ่าว ข้อสำคัญคือควรเป็นแหล่งที่หอยแครงเกิดอยู่แล้วตามธรรมชาติ หรือสามารถจัดหาพันธุ์หอยเพื่อหว่านเลี้ยงได้สะดวก
2. พื้นที่ควรเป็นหาดโคลนเรียบ มีความลาดเอียงน้อย เป็นอ่าวที่บังคลื่นลมได้ดี กระแสน้ำไม่แรงเกินไปเพื่อป้องกันคลื่นลมพัดพาหอยแครงไปกองรวมกัน
3. ดินควรเป็นดินเลน, ดินโคลนละเอียดหรือดินเหนียวปนโคลน ควรมีความหนาของผิวหน้าดินเลนไม่ต่ำกว่า 40-50 ซม.
4. ช่วงความลึกของน้ำในแหล่งเลี้ยงควรลึกประมาณ 0.5-1 เมตร (ระดับทะเลปานกลาง) และความเค็มของน้ำทะเลบริเวณแหล่งเลี้ยงควนเปลี่ยนอยู่ในช่วง 10-31 ส่วนในพัน เพราะถ้าน้ำมีสภาพจืดเกินไปอาจทำให้หอยแครงตายได้
5. ห่างไกลน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมและแหล่งอาศัยของชุมชน เพื่อให้เนื้อหอยมีคุณภาพ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค
รูปแบบการเลี้ยง แบ่งเป็น 2 ระบบหลักๆ คือ
1. ระบบดั้งเดิม เป็นการทำฟาร์มขนาดเล็ก เนื้อที่เลี้ยงประมาณ 5-30 ไร่/ครอบครัว โดยกั้นคอกด้วยเฝือกไม้ไผ่ แล้วนำลูกหอยมาหว่าน ขนาดของลูกหอยที่เลี้ยงขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ หากเป็นหอยพื้นเมืองของ จ.เพชรบุรี จะใช้ลูกหอยขนาดใหญ่ คือ 400-1,200 ตัว/กิโลกรัม ขนาดที่นิยมหว่านเลี้ยงประมาณ 450 ตัว/กิโลกรัม จะมีอัตราการหว่านประมาณ 800-1,500 กิโลกรัม/ไร่ ต้องมีการตรวจสภาพและเกลี่ยหอยทุกๆ 15 วันหรือทุกๆ เดือน โดยใช้เครื่องมือ ‘โพง’ คล้ายคราด
ส่วนการเก็บผลผลิตสามารถใช้เรือลาก, ใช้กระดานถีบเลนเก็บหอย, เก็บหอยด้วยมือ, ใช้คราด เป็นต้น และคัดขนาดลูกหอย หลังจากเลี้ยงได้ 1 ถึง 1 ปีครึ่ง ซึ่งขนาดที่ตลาดต้องการประมาณ 70-80 ตัว/กิโลกรัม
2. ระบบพัฒนา เป็นการเลี้ยงแบบธุรกิจขนาดใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 200-1,000 ไร่/ผู้เลี้ยงหนึ่งราย ใช้ไม้เสาปักบอกอาณาเขตห่างกันประมาณ 2 เมตร/ 1 ต้น ล้อมรอบแปลงหอย ลูกหอยที่นำมาเพาะเลี้ยงมีขนาดเล็กนิยมใช้พันธุ์จากประเทศมาเลเซีย มีขนาดตั้งแต่ 1,000-3,000 ตัว/กิโลกรัม อัตราการหว่านเช่นเดียวกับระบบดั้งเดิม ระยะเวลาเลี้ยงประมาณ 1-2 ปี จะได้ขนาดที่ตลาดต้องการประมาณ 80-120 ตัว/กิโลกรัม
ปัญหาในการเลี้ยงหอยแครงที่เกษตรกรพบประจำ คือ การเกิดขี้ปลาวาฬ ซึ่งมักเกดในช่วงเดือนกันยายน ถึงเดือนพฤศจิกายน จะไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ อีกทั้งไม่มีตลาดรับซื้อ เกษตรกรผู้เลี้ยงจึงมักขายหอยแครงแดพ่อค้าคนกลางซึ่งจะรับหอยส่งออกไปขายที่ประเทศจีนในช่วงต้นปี
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : www.aquatoyou.com